Dental Camera Selection
จริงๆ มีคนมาปรึกษาเรื่องนี้ค่อนข้างเยอะ เอาเป็นว่าจะเขียนจากประสบการณ์ ความเจ็บตัว ป้ายยา และสะเทือนไต ส่วนตัวมาเล่าสู่กันฟัง
ช่วงนี้ใกล้เปิดเทอมใหม่สำหรับ น้องๆที่จะเริ่มเรียนหลังปริญญา และแน่นอน สิ่งแรกที่จะทำให้กระเป๋าตังและขนหน้าแข้งร่วงโรยคือการซื้อ กล้อง นั้นเอง วันนี้จะมาคุยกันว่า ที่เราซื้อนั้นจำเป็นแค่ไหน หรือ เอาประมาณไหนกำลังดี และข้อจำกัด หรือข้อดี แตกต่างกันอย่างไร
โดยจะแบ่งออกเป็น 3 part ก็คือ 1. Body 2 Lens 3 Flash
โดย ผมจะมาแชร์ ในระบบ Canon เพราะ เคยใช้แค่ระบบนี้นะครับ อ้างอิงจาก eLAB สัดส่วนคนที่ใช้ระบบนี้จะอยู่ที่ประมาณ ร้อยละ 48 ส่วน Nikon อยู่ที่ ร้อยละ 52 นะครับ หากแต่บ้านเราคงแตกต่างกันบ้าง
มาดูข้อมูลเบื้องต้น ของ 2 ระบบกันก่อนสักเล็กน้อย
– Nikon เริ่มผลิต กล้อง F มาตั้งแต่ 1959 ส่วน Canon เริ่มผลิตกล้อง EOS มาตั้งแต่ 1987 (พวก DSLR)
– ในตัวกล้อง Nikon จะไม่มีมอเตอร์หมุนเลนส์ ต้องซื้อเลนส์ที่มีมอเตอร์ในเลนส์ จึงจะสามารถโฟกัสได้ (AF-S lens) ทำให้ราคาเลนส์แพงกว่า Canon ระดับหนึ่ง ส่วน Canon จะมี มอเตอร์ ไว้หมุนเลนส์ในตัวกล้อง แต่ทำให้มีน้ำหนักที่ตัวกล้องมากขึ้นเช่นกัน
– Nikon มี Ring flash ในระบบของตัวเอง แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยม(ขอบคุณพีี่เต้ยที่เพิ่มประเด็นนี้ครับ) และมี R1C1 ที่เป็น Twin flash ส่วน Canon มี flash ทุกแบบ แต่จริงๆแล้ว ring flash ยี่ห้อ Metz ก็ใช้ได้ดีนะ แต่ต้องดูเรื่องสีที่เกิดขึ้นด้วย อาจเพี้ยนนิดหน่อย ใช้ได้กับทั้ง สองระบบ
– หากถามความแตกต่างของ 2 ระบบ ก็ต้องบอกว่า เริ่มมาตั้งแต่ระบบแม่สีในตัวกล้องเลยครับ สังเกตได้เลยว่า Canon มักจะมีสายสะพายกล้องสีแดง นั้นเพราะว่า Canon ใช้ระบบสี RBG (Red Blue Green) ส่วน Nikon จะใช้ระบบสี CMYK (Cayan Magenta Yellow) ถามว่า ความแตกต่างของ 2 ระบบสี นี้ทำให้เกิดอะไร หากสักเกตุรูปที่มาจากกล้อง Canon ถ้าไม่ได้ปรับค่าอะไร สีภาพจะออกโทนสีค่อนมาแดง หรือภาพจะดูสีคมเข้ามากกว่า แต่ Nikon ที่มีแม่สีเหลืองในตัวเวลาถ่ายภาพออกมาจะดูสีนิ่มนวลกว่า อันนี้จากความรู้สึกส่วนตัวนะครับ มาแชร์กันได้
มาเข้าเรื่อง Body กันดีกว่า ความแตกต่างของกล้อง แต่ละรุ่นหลักๆ นั้นก็คือ ขนาด Sensor นะครับ
ถามว่าแตกต่างกันอย่างไร ใน ระบบ Canon จะแบ่งออกเป็นง่ายๆ นั้นก็คือ APS-C (22.2×14.8 mm) และ Full Frame (36×24 mm)
Crop factor หรือ เข้าใจง่ายๆคือ หากใช้เลนส์ขนาดเดี่ยวกัน ยืนถ่ายรูป ณ ตำแหน่งเดี่ยวกัน แต่แตกต่างกันที่ตัว Body ภาพที่ได้จะแตกต่างกัน ซึ่ง หากกล้องที่มี sensor เล็ก (APS-C) จะได้ภาพที่แคบกว่า หากอยากได้ภาพที่กว้างเท่า Full frame ก็ต้อง ถอยออกห่างจากจุดเดิม
ขนาดของ Sensor ที่แตกต่างกันนั้นทำให้เกิดอะไรขึ้นกับการถ่ายภาพในช่องปาก
1. Sensor ที่ใหญ่เปรียบเสมือน แก้วใบใหญ่ ในเวลาที่เท่ากัน สามารถกักเก็บแสงได้มากกว่า ทำให้เกิดคุณภาพของภาพที่ดีกว่า แก้วใบเล็กแน่นอน
2. ในระยะห่างจากผู้ป่วยที่เท่ากัน เลนส์ขนาดเท่ากัน (100 mm) หากใช้กล้อง Full Frame จะอยู่ห่างประมาณ 20-24 cm แต่ถ้าเป็นกล้อง APS-C จะห่างประมาณ 30-35 cm ดังนั้นหากหมอตัวเล็ก อาจต้องพิจารณาประเด็นนี้ด้วยครับ คือ จะคูณ มาประมาณ 1.6 เท่า ใน ระบบ Canon และ 1.5 เท่า ในระบบ Nikon หากใช้เลนส์ 60 mm ก็จะระยะใกล้เข้ามาอีก
จากภาพ ด้านซ้ายคือ กล้อง 6D (Full frame) + lens macro 100 และภาพด้านขวาคือกล้อง 450D (APS-C) + macro 100 จะเห็นได้ว่าต้องมีระยะห่างจากผู้ป่วยมากขึ้น
ตารางสรุปคร่าวๆ รายละเอียดของกล้องแต่ละระดับในระบบ Canon ครับ
ขอจบ part แรกไว้เท่านี้ก่อนครับ วันหลังมาต่อกันที่เรื่องของ Lens
มีอะไรเพิ่มเติมได้ในคอมเม้นเลยนะครับผม
#ไปด้วยกันไปได้ไกล